วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

องค์ประกอบโครงงานคอมพิวเตอร์

องค์ประกอบเค้าโครงของโครงงานคอมพิวเตอร์

ควรมีองค์ประกอบต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงาน ถ้าเป็นโครงงานเกี่ยวกับเว็บไซต์ ใช้ชื่อโครงงานว่า การพัฒนาเว็บไซต์ เรื่อง ............
ข้างต้น ได้แก่ โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา โครงงานพัฒนาเครื่องมือ โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน และโครงงานพัฒนาเกม
2. ชื่อ สกุล ผู้ทำโครงงาน
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
4. ระยะเวลาดำเนินงาน ให้ระบุเวลาเป็นจำนวนวัน เป็นต้น
5. แนวคิด ที่มา และความสำคัญ อธิบายว่าเหตุใดจึงเลือกทำโครงงานนี้ โครงงานนี้มีความสำคัญอย่างไร เรื่องที่ทำเป็นเรื่องใหม่หรือมีผู้อื่นศึกษาค้นคว้ามาก่อนบ้างแล้ว ถ้ามีผู้อื่นศึกษามาก่อนแล้วผลที่ได้เป็นอย่างไร และเรื่องที่ทำนี้จะขยายเพิ่มเติม ปรับปรุงจากเรื่องที่ผู้อื่นทำไว้อย่างไร หรือเป็นการทำซ้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ
6. วัตถุประสงค์ หลักการเขียนต้องเขียนเป็นข้อๆ และสัมพันธ์มาจากชื่อเรื่องของโครงงาน
7. หลักการและทฤษฎี อธิบายถึงหลักการและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับโครงงาน เช่น โครงงานพัฒนาเว็บไซต์ ควรจะกล่าวถึงองค์ประกอบในการออกแบบเว็บไซต์และข้อพิดพลาดในการสร้างเว็บไซต์ เป็นต้น
8. วิธีดำเนินงาน
- อุปกรณ์ที่ต้องใช้ ระบุวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้มีอะไรบ้าง วัสดุอุปกรณ์เหล่านั้นอยู่ที่ใด และมีชิ้นใดบ้างที่ต้องจัดซื้อหรือหยิบยกมาจากที่ต่างๆ
- กำหนดคุณลักษณะของผลงาน และเทคนิคที่ใช้ในการพัฒนา
- แนวทางการศึกษาค้นคว้าและพัฒนา อธิบายถึงกระบวนการแก้ปัญหาที่ออกแบบไว้ และการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ การพัฒนา การทดสอบ และการนำเสนอผลงาน
- งบประมาณที่ใช้
10. แผนปฏิบัติงาน ใช้ระบุว่า มีแผนหรือขั้นตอนทำอะไรบ้าง แต่ละขั้นตอนใช้เวลากี่วัน เป็นต้น
11. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
12. เอกสารอ้างอิง

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2557

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์

โดยหลักการแล้ว ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ที่ทำงานตามหน้าที่ 4 ส่วนด้วยกัน คือ

    1.) ส่วนรับข้อมูล (Input Unit)
    2.) ส่วนประมวลผลข้อมูล (Central Processing Unit)
    3.) ส่วนแสดงผล (Output Unit)
    4.) หน่วยความจำ (Memory Unit)


1.) ส่วนรับข้อมูล (Input Unit)
    ส่วนรับข้อมูล (Input Unit) เป็น ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลจากคน และส่งต่อข้อมูลไปยัง หน่วยประมวลผล(Process Unit) เพื่อทำการประมวลผลต่อไป รูปแบบการส่งข้อมูลจากอุปกรณ์รับข้อมูลจะอยู่ในรูปของการส่งสัญญาณเป็นรหัส ดิจิตอล (หรือเป็นเลข 0 กับ 1) นั่นเอง อุปกรณ์ส่วนรับข้อมูล
อุปกรณ์ใน ส่วนรับข้อมูล ยังมีอีกมากมายและสามารถจะยังมีเพิ่มตามขึ้นไปเรื่อยๆ ตามการพัฒนาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

2.) ส่วนประมวลผลข้อมูล (Central Processing Unit)
    ส่วนประมวลผลข้อมูล (Central Processing Unit) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลที่รับมาจาก ส่วนรับข้อมูล(Input Unit) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานต่างๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์

 3.) หน่วยแสดงผล (Output Unit)
    หน่วยแสดงผล (Output Unit) เป็นหน่วยที่แสดงผลลัพธ์ที่มาจากการประมวลผลข้อมูล ของส่วนประมวลผลข้อมูล โดยปกติรูปแบบของการแสดงผล มีอยู่ 2 แบบ ด้วยกันคือ แบบที่สามารถเก็บไว้ดูภายหลังได้ และแบบที่ไม่มีสำเนาเก็บไว้

 4.) หน่วยความจำ (Memory Unit)
    หน่วยความจำ (Memory Unit) อุปกรณ์เก็บสถานะข้อมูลและชุดคำสั่ง เพื่อการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ หน่วยความจำชั่วคราวและหน่วยความจำถาวร


    - หน่วยความจำชั่วคราว คือ แรม (RAM: Random Access Memory)เป็นหน่วยความจำที่ใช้ขณะคอมพิวเตอร์ทำงาน ข้อมูลและชุดคำสั่งจะหายไปทุกครั้งที่เราปิดเครื่อง 


    - หน่วยความจำถาวรหรือ หน่วยความจำหลัก ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ Hard Disk ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล และ รอม (ROM: Read Only Memory) ที่ใช้ในการเก็บค่าไบออส หน่วยความจำถาวรจะใช้ในการเก็บข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์และจะไม่สูญหาย เมื่อปิดเครื่อง

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พระธาตุภูเพ็ก

พระธาตุภูเพ็ก

ประวัติความเป็นมา


พระธาตุภูเพ็ก สุริยปฏิทินแห่งสยามประเทศ๒๑มีนาคมของทุกปี ถือเป็นช่วงเวลาที่กลางวันเท่ากับกลางคืน๑ ส่วน วันที่กลางคืนยาวนานที่สุด คือ วันที่ ๒๑ ธันวาคม หรือเรียกว่า วันเหมายันโดยเฉลี่ยแล้วในประเทศไทย วันดังกล่าวกลางคืนจะนานประมาณ ๑๓-๑๔ ชั่วโมง สรุปข่าวพระเครื่อง

 ประเทศไทยตั้งอยู่บนเส้นรุ้งประมาณ ๘-๒๐ องค์ศาเหนือ) ในขณะที่วันที่กลางคืนแสนสั้นที่สุด คือ วันที่ ๒๑ มิถุนายน หรือเรียกว่า วันครีษมายันโดยเฉลี่ยแล้วในประเทศไทยวันดังกล่าวกลางคืนจะนานประมาณ๑๐-๑๑ ชั่วโมงเท่านั้น
จากปรากฏการณ์ดังกล่าวของดวงอาทิตย์ มนุษย์ใน ยุคโบราณจึงสร้างโบรณสถานโดยใช้ข้อมูลดาราศาสตร์เป็นเครื่องกำหนดและยึดเอา สิ่งก่อสร้างนั้นเป็น "สุริยปฏิทิน" ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบของ ปฏิทินสากลที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้


ในต่างประเทศมีโบราณสถานที่ถือว่าเป็นสุริย ปฏิทิน อันเป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เช่น ปราสาทนครวัด ประเทศ กัมพูชา ปราสาทมาชูปิกชู ประเทศเปรู ตัวสฟิงซ์ ประเทศอียิปต์ สโตน เฮนจ์ ประเทศอังกฤษ ถ้ำนิวเกรน ประเทศไอซ์แลนด์ พีระมิด เอล คาสติโล ประเทศ เม็กซิโก รวมทั้งมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ กรุงโรม ประเทศอิตาลี
อย่างไรก็ตามในวันที่ ๒๑ มีนาคม หากมีการถ่ายทอด สด ตำแหน่งของพระอาทิตย์จากโบราณสถานที่กล่าวมาข้างต้น ตำแหน่งของดวง อาทิตย์จะขึ้นตรงกับจุดกึ่งกลางของโบราณสถานทั้งหมด เช่น สฟิงซ์ ดวงอาทิตย์ จะขึ้นตรงบริเวณปลายจมูก มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์ ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงกับ ประตูด้านทิศตะวันออกของวิหาร ส่วนที่ปราสาทมาชูปิกชู ดวงอาทิตย์จะขึ้นหน้า ช่องกลาง (มี ๓ ช่อง) ในขณะที่ปราสาทนครวัด ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงกับยอดพระ ปรางค์องค์กลางพอดี
สำหรับโบราณสถานของประเทศไทยที่ถือว่าเป็น สุริยปฏิทินคือพระธาตุภูเพ็กซึ่งประดิษฐานณ วัดพระธาตุภูเพ็ก ต.นาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร และมีบันไดก่อปูนขึ้นบนยอดเขาประมาณ๔๙๙ ชั้น


พระธาตุภูเพ็กเป็นโบราณสถานที่เรียกว่าปราสาทขอมสร้าง ด้วยหินทรายตั้งอยู่บนฐานศิลาแลง มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม ด้าน หน้าเชื่อมต่อกับมณฑป รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชั้นที่ ๑ สูง๑.๕๘ เมตรชั้น ที่ ๒ สูงประมาณ๐.๗๐ เมตรตัวปราสาทสูง ๗.๖๗ เมตรซึ่งยังสร้างไม่แล้ว เสร็จ ไม่มีหลังคา และยอดปราสาท เพียงแต่ทำขื่อตั้งไว้เท่านั้น 
พระธาตุภูเพ็กสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่๑๖ ในวัน ที่๒๑ ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงกลางของประตูห้องวิมาน และเรืองแสงสีแดงอย่างสวย งาม เหนือแท่งศิวลึงค์ที่ตั้งอยู่หน้าประตู 
นายสรรค์สนธิบุณโยทยาน ผู้เชี่ยวชาญด้านดารา ศาสตร์และผู้เขียนหนังสือสุริยปฏิทินพันปี บอกว่าปราสาทภูเพ็กไม่ได้เป็น เพียงแค่ศาสนสถานแบบธรรมดาดังตำนานดาวเพ็ก ตามที่เราๆ ท่านๆ เคยได้ยิน มา แต่ที่นี่มีอุปกรณ์ดารา แห่งศาสตร์ไฮเทค เรียกว่า สุริยปฏิทินสามารถบ่งชี้ตำแหน่งดวงอาทิตย์ในจักรราศีสำคัญได้อย่างแม่นยำ ไม่แพ้คอมพิวเตอร์ 


แต่สิ่งที่มหัศจรรย์ไปกว่านั้นคือ สถานที่ตั้งปราสาท ภูเพ็ก สกลนคร ปราสาทหินพิมาย นครราชสีมา และปราสาทนครทม เสียมเรียบ ประเทศ กัมพูชา ทำมุมเป็นรูปสามเหลี่ยมสวยงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งปราสาทภูเพ็ก กับ ปราสาทนครทม อยู่เส้นตรงเดียวกันในแนวเหนือใต้ เป็นความบังเอิญ หรือผู้ สร้างจงใจเช่นนั้นก็ไม่ทราบ
ปราสาทภูเพ็ก เป็นวัตถุพยาน ที่สะท้อนภาพในแง่มุมของศาสนา ดาราศาสตร์ และข้อขัดแย้งทางการเมืองอย่างชัดเจน 
เริ่มต้นจากการเลือกสถานที่ก่อสร้างปุโรหิตผู้รับผิดชอบโครงการ ต้องมองหาภูเขาที่สูงที่สุด และมีรูปร่างเหมือน เขาพระสุเมร ต้อง มีการปรับแต่งพื้นดินบนยอดเขาให้ราบเรียบ เพื่อให้ตัวปราสาทตั้งอยู่ริม หน้าผา ด้านทิศตะวันออก และทำมุมกวาด ๙๐ องศา จากทิศเหนือ ตามความเชื่อวัน ศักดิ์สิทธิ์ของปฏิทินมหาศักราช (Saka calendar) ที่กำหนดให้ตรงกับวสันตวิษุวัต (Vernal equinox) กลางวันเท่ากับกลางคืนดวงอาทิตย์ขึ้นที่ทิศ ตะวันออกแท้ (Due east) แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่จะส่องตรงเข้าไปยังประตูห้องวิมานเพื่อเป็นพลังในการประกอบพิธีของเจ้านายชั้นสูง 


จากการสำรวจอย่างละเอียดพบว่าหินทรายที่ใช้ก่อสร้าง ถูกนำมาจากหน้าผาด้านทิศตะวันตก  อยู่ห่างออกไปประมาณ ๔๐๐ เมตร ปัจจุบันยัง มีร่องรอยของการตัดหินทุกขั้นตอน เริ่มจากการทำเครื่องหมายตีเส้น กำหนด รูปร่างบนแท่งหิน การเซาะร่องได้เพียงบางส่วน 
หินที่ตัดเรียบเสร็จแล้วถูกทิ้งอยู่เรี่ยราดตามราย ทาง แสดงให้เห็นว่า การทิ้งงานแบบกะทันหัน   ขณะเดียวกันก็มีรอยขีดที่พื้นประตูด้านทิศตะวันออก และผนังด้านทิศตะวัน ตก บ่งชี้ตำแหน่งดวงอาทิตย์ในวันวิษุวัต ซึ่งตามปฏิทินสากลปัจจุบันตรงกับ วันที่ ๒๑ มีนาคม (วสันตวิษุวัต : Vernal equinox) และ ๒๓ กันยายน (ศารท วิษุวัต : Autumnal equinox) รวมทั้งรอยขีดที่ประตูด้านทิศเหนือทิศใต้ และ ทิศตะวันตก บ่งชี้ตำแหน่งทางดาราศาสตร์ที่เรียกว่า ทิศภูมิศาสตร์ทั้งสี่ (The four cardinals) 
"ถ้าท่านได้มีโอกาสไปที่ปราสาทภูเพ็ก ตรงกับวัน วสัน ตวิษุวัต ๒๑ มีนาคมและ ศารทวิษุวัต ๒๓กันยายน จะเห็นด้วยตาตนเองว่า ดวง อาทิตย์ขึ้นตรงกลางประตูห้องวิมาน และเรืองแสงสีแดงอย่างสวยงาม เหนือแท่ง ศิวลึงค์ ที่ตั้งอยู่หน้าประตู ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์เช่นเดียวกันนี้ ก็ มีที่ปราสาทนครวัด ที่เมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา และอีกหลาย ปราสาท เช่น ปราสาทพนมบาเค็ง และปราสาทบายน" นายสรรค์สนธิกล่าว ที่มาคมชัด ลึก 
 

วันสิ้นโลก

 นอกจากนี้แล้ว พระธาตุภูเพ็กยังใช้เป็นสถานที่พิสูจน์ความเชื่อเรื่องวันสิ้นโลกในปลายปี พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) ด้วยมีพิกัดอยู่ในเมอริเดียนเดียวกันกับปราสาทบายน ในประเทศกัมพูชา

วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2557

โครงการยกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5 กลุ่มสาระ โรงเรียนชุมชนบ้านนาดีหนองไผ่

โครงการยกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5 กลุ่มสาระ โรงเรียนดีศรีตำบล

โรงเรียนชุมชนบ้านนาดีหนองไผ่ จัดโครงการยกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแก่นักเรียนในระดับชั้น ป.3 ,ป.6 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ใน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ประกอบด้วย สาระภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม  ในระหว่างวันที่ 13 - 15 สิงหาคม 2557   โดยได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรสนับสนุนจากคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร ส่งนักศึกษาคณะครุศาสตร์ ทั้ง5กลุ่มสาระ มาเป็นวิทยากร ให้ความรู้แก่นักเรียน

ประวัติความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต

ประวัติความเป็นมา
อินเทอร์เน็ต คือ การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ตามโครงการของอาร์ป้าเน็ต (ARPAnet = Advanced Research Projects Agency Network) เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ (U.S.Department of Defense - DoD) ถูกก่อตั้งเมื่อประมาณ ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมา
ค.ศ.1969(พ.ศ.2512) อาร์ป้าเน็ตได้รับทุนสนันสนุนจากหลายฝ่าย และเปลี่ยนชื่อเป็นดาป้าเน็ต (DARPANET = Defense Advanced Research Projects Agency Network) พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบาย และได้ทดลองการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิดจาก 4 เครือข่ายเข้าหากันเป็นครั้งแรก คือ 1)มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลองแองเจอลิส 2)สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด 3)มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาบาร่า และ4)มหาวิทยาลัยยูทาห์ เครือข่ายทดลองประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปีค.ศ.1975(พ.ศ.2518) จึงได้เปลี่ยนจากเครือข่ายทดลอง เป็นเครือข่ายที่ใช้งานจริง ซึ่งดาป้าเน็ตได้โอนหน้าที่รับผิดชอบให้แก่หน่วยการสื่อสารของกองทัพสหรัฐ (Defense Communications Agency - ปัจจุบันคือ Defense Informations Systems Agency) แต่ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีคณะทำงานที่รับผิดชอบบริหารเครือข่ายโดยรวม เช่น ISOC (Internet Society) ดูแลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board) พิจารณาอนุมัติมาตรฐานใหม่ในอินเทอร์เน็ต, IETF (Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานที่ใช้กับอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการทำงานโดยอาสาสมัครทั้งสิ้น
ค.ศ.1983(พ.ศ.2526) ดาป้าเน็ตตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ จึงเป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาจนถึงปัจจุบัน เพราะ TCP/IP เป็นข้อกำหนดที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในโลกสื่อสารด้วยความเข้าใจบน มาตรฐานเดียวกัน
ค.ศ.1980(พ.ศ.2523) ดาป้าเน็ตได้มอบหน้าที่รับผิดชอบการดูแลระบบอินเทอร์เน็ตให้มูลนิธิวิทยา ศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation - NSF) ร่วมกับอีกหลายหน่วยงาน
ค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เริ่มใช้การกำหนดโดเมนเนม (Domain Name) เป็นการสร้างฐานข้อมูลแบบกระจาย (Distribution Database) อยู่ในแต่ละเครือข่าย และให้ ISP(Internet Service Provider) ช่วยจัดทำฐานข้อมูลของตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์เหมือนแต่ก่อน เช่น การเรียกเว็บไซต์ www.yonok.ac.th จะไปที่ตรวจสอบว่ามีชื่อนี้ในเครื่องบริการโดเมนเนมหรือไม่ ถ้ามีก็จะตอบกับมาเป็นหมายเลขไอพี ถ้าไม่มีก็จะค้นหาจากเครื่องบริการโดเมนเนมที่ทำหน้าที่แปลชื่ออื่น สำหรับชื่อที่ลงท้ายด้วย .th มีเครื่องบริการที่ thnic.co.th ซึ่งมีฐานข้อมูลของโดเมนเนมที่ลงท้ายด้วย th ทั้งหมด
ค.ศ.1991(พ.ศ.2534) ทิม เบอร์เนอร์ส ลี (Tim Berners-Lee) แห่งศูนย์วิจัย CERN ได้คิดค้นระบบไฮเปอร์เท็กซ์ขึ้น สามารถเปิดด้วย เว็บเบราวเซอร์ (Web Browser) ตัวแรกมีชื่อว่า WWW (World Wide Web) แต่เว็บไซต์ได้รับความนิยมอย่างจริงจัง เมื่อศูนย์วิจัย NCSA ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์เออร์แบน่าแชมเปญจ์ สหรัฐอเมริกา ได้คิดโปรแกรม MOSAIC (โมเสค) โดย Marc Andreessen ซึ่งเป็นเว็บเบราว์เซอร์ระบบกราฟฟิก หลังจากนั้นทีมงานที่ทำโมเสคก็ได้ออกไปเปิดบริษัทเน็ตสเคป (Browser Timelines: Lynx 1993, Mosaic 1993, Netscape 1994, Opera 1994, IE 1995, Mac IE 1996, Mozilla 1999, Chimera 2002, Phoenix 2002, Camino 2003, Firebird 2003, Safari 2003, MyIE2 2003, Maxthon 2003, Firefox 2004, Seamonkey 2005, Netsurf 2007, Chrome 2008)
ในความเป็นจริงไม่มีใครเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต และไม่มีใครมีสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว ในการกำหนดมาตรฐานใหม่ ผู้ติดสิน ผู้เสนอ ผู้ทดสอบ ผู้กำหนดมาตรฐานก็คือผู้ใช้ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ก่อนประกาศเป็นมาตรฐานต้องมีการทดลองใช้มาตรฐานเหล่านั้นก่อน ส่วนมาตรฐานเดิมที่เป็นพื้นฐานของระบบ เช่น TCP/IP หรือ Domain Name ก็จะยึดตามนั้นต่อไป เพราะอินเทอร์เน็ตเป็นระบบกระจายฐานข้อมูล การจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลพื้นฐานอาจต้องใช้เวลา

วันจันทร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2557

แนนนำผู้จัดทำ


นางสาว  ธิดารัตน์  บุคคล
ชื่อเล่น  แก้ม
สถานที่ศึกษา  โรงเรียนชุมชนบ้านนาดีหนองไผ่
อาชีพในฝัน  แพทย์หญิง